นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัท ไมตี้ โบรกเกอร์ จากัด



บริษัท ไมตี้ โบรกเกอร์ จำกัด เล็งเห็นถึงความสำคัญในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของ รวมถึงผู้เกี่ยวข้อง ที่ธุรกิจได้มีการเก็บ รวบรวม ใช้ ประมวลผลและเปิดเผย บริษัทฯจึงขอแจ้งนโยบายในการดำเนินการกับข้อมูลส่วนบุคคล
ในขอบเขตการดำเนินธุรกิจ ของบริษัทฯ ดังนี้

1. เหตุผลในการออกนโยบาย

บริษัท ไมตี้ โบรกเกอร์ จำกัด (“บริษัทฯ”) ยึดมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (“พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล“) โดยประกาศฉบับนี้จะเป็นมาตรฐานในการกำหนดแนวทาง
หลักเกณฑ์ และแนวปฏิบัติในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า คู่ค้า คู่สัญญา ผู้ถือหุ้น กรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน และ/หรือ ลูกจ้าง ของบริษัทตลอดจนบุคคลผู้ติดต่อทำธุรกรรมใด ๆ กับบริษัท

ประกาศนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ใช้สำหรับบุคคลดังต่อไปนี้

(1) ลูกค้าของบริษัท
• ลูกค้าบุคคลธรรมดา: ลูกค้าเดิมและลูกค้าปัจจุบันของบริษัท ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา
• ลูกค้าองค์กรธุรกิจ: กรรมการ ผู้ถือหุ้น ผู้รับประโยชน์ที่แท้จริง พนักงาน ผู้ค้ำประกัน ผู้ให้หลักประกัน และผู้แทนโดยชอบด้วยกฎหมายของลูกค้าองค์กรธุรกิจเดิมและปัจจุบัน รวมถึงบุคคลธรรมดาอื่นที่มีอำนาจในการกระทำการแทนลูกค้าองค์กรธุรกิจ ทั้งนี้ บริษัทขอแนะนำให้ลูกค้าองค์กรธุรกิจของบริษัทดำเนินการเพื่อให้มั่นใจว่าบุคคลผู้มีอำนาจกระทำการแทนหรือบุคคลธรรมดาที่เกี่ยวข้องใด ๆ รับทราบถึงประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัวของบริษัท

(2) บุคคลที่ไม่ใช่ลูกค้าของบริษัท
บุคคลดังกล่าวรวมถึงบุคคลธรรมดาที่ไม่มีผลิตภัณฑ์หรือบริการกับบริษัท แต่บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เช่น ผู้ชำระเบี้ย บุคคลที่ได้ชำระหรือโอนเงินให้แก่หรือรับเงินจากลูกค้าของบริษัท บุคคลที่ได้เข้าชมเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของบริษัท หรือเข้าใช้บริการที่สำนักงานของบริษัท ผู้รับผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกัน ผู้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง กรรมการหรือผู้แทนโดยชอบด้วยกฎหมายของนิติบุคคลที่ใช้บริการของบริษัท ที่ปรึกษาด้านวิชาชีพ รวมถึงกรรมการ ผู้ลงทุนและผู้ถือหุ้นของบริษัท และตัวแทนโดยชอบด้วยกฎหมายของบุคคลดังกล่าว และบุคคลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมกับบริษัทหรือลูกค้าของบริษัท

2. วัตถุประสงค์

นโยบายฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลโดยนโยบายฉบับนี้จะกำหนดหลักเกณฑ์ และมาตรการกำกับดูแลการเก็บรวบรวม การใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
ให้สอดคล้องตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ เพื่อเป็นการคุ้มครองไม่ให้มีการก่อความเดือดร้อนรำคาญ หรือ สร้างความเสียหายให้แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

3. นิยาม

“กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตลอดจน ประกาศ หลักเกณฑ์ กฎ ระเบียบ ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และ/หรือ หน่วยงานราชการอื่นใดที่เกี่ยวข้อง
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า พนักงาน และ/หรือบุคคลภายนอก (Personal Data) ซึ่งเป็นข้อมูลที่ทำให้สามารถระบุถึงตัวบุคคลนั้น ๆ ได้ ไม่ว่าในทางตรงหรือทางอ้อม เช่น ชื่อ-นามสกุล อายุ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน และข้อมูลทางการเงิน เป็นต้น ทั้งนี้ ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรม
“เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลธรรมดา ลูกค้าองค์กรธุรกิจ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ ลูกค้า พนักงาน และ/หรือ บุคคลภายนอก ที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งบริษัทได้เก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
“บริษัท” หมายถึง บริษัท ไมตี้ โบรกเกอร์ จำกัด
“บุคคลภายนอก” หมายถึง บุคคลธรรมดาที่เป็น ผู้ถือหุ้น คู่ค้า คู่สัญญา และ/หรือ บุคคลผู้ติดต่อทำธุรกรรมใด ๆ กับบริษัท
“ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บริษัทซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller)
“ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Processor) ทั้งนี้บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
“การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล”หมายถึง การดำเนินการใด ๆ กับข้อมูลส่วนบุคคล เช่น เก็บรวบรวม บันทึกสำเนา จัดระเบียบ เก็บรักษา ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ใช้ กู้คืน เปิดเผยส่งต่อ เผยแพร่ โอน รวม ลบ ทำลาย เป็นต้น
“ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ เกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ลัทธิ ความเชื่อในลัทธิศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม และข้อมูลชีวภาพของบุคคล
“บุคคลที่ถูกกำหนด” หมายถึง บุคคล คณะบุคคล นิติบุคคล หรือบริษัทตามรายชื่อซึ่งมีมติของหรือประกาศ ภายใต้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกำหนดให้เป็นผู้ที่มีการกระทำอันเป็นการก่อการร้ายหรือการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงและสำนักงานได้ประกาศรายชื่อนั้น หรือบุคคล คณะบุคคล นิติบุคคล หรือบริษัทตามรายชื่อที่ศาลได้พิจารณาและมีคำสั่งให้เป็นบุคคลที่ถูกกำหนดตามพระราชบัญญัตินี้

4. ขอบเขตการใช้บังคับ

นโยบายนี้ใช้บังคับกับพนักงานของบริษัท ไมตี้ โบรกเกอร์ จำกัด ในอันที่จะรักษา คุ้มครอง ใช้ และ/หรือ จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล ที่ตนได้รับอันเนื่องมาจากการปฏิบัติงานตามหน้าที่ เพื่อไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวรั่วไหลสู่สาธารณชน หรือบุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง

5. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตัวลูกค้าหรือบุคคลใดนั้น จะถูกนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการดำเนินงานของบริษัทอย่างถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น และนำไปใช้เพื่อการออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท และข้อเสนอพิเศษต่าง ๆ ที่ดีขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของลูกค้าและการให้บริการที่ดีที่สุด ข้อมูลของลูกค้าจะไม่ถูกนำไปใช้ เก็บรวบรวม หรือสงวนไว้ หากบริษัทไม่มีวัตถุประสงค์ในการดำเนินการดังกล่าว ทั้งนี้บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อเมื่อบริษัทได้รับข้อมูลจากท่านโดยตรง โดยการสมัครหรือลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์สำหรับให้บริษัทใช้ในการติดต่อกับท่าน หากท่านเลือกที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด เลขบัตรประจำตัวประชาชน ที่อยู่ ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ เบอร์โทรศัพท์หรือเบอร์โทรสาร แก่บริษัท ตลอดจนกิจกรรมทางธุรกิจหรือการดำเนินธุรกรรมใด ๆ ของท่านแก่บริษัทแล้ว บริษัทจะรักษาข้อมูลเหล่านั้นไว้เป็นความลับ ตามเกณฑ์มาตรฐานความปลอดภัยของบริษัท โดยข้อมูลที่เก็บรวบรวม ดังนี้

5.1 ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป

บริษัทฯ เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่อาจเป็นลูกค้า ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงประเภทข้อมูลดังต่อไปนี้

• ข้อมูลที่ใช้ระบุตัวตน (Identity Data) และรายละเอียดเกี่ยวกับคุณลักษณะของท่าน เช่น ชื่อ ชื่อสกุล หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน หมายเลขหนังสือเดินทาง (กรณีคนต่างด้าว) วันเดือนปีเกิด เพศ อายุ สัญชาติ ความเป็นพลเมือง และประเทศที่พำนัก (กรณีคนต่างด้าว) สถานภาพทางการสมรส รูปถ่าย ลายมือชื่อ ข้อมูลบนเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานราชการ (เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ)
• ข้อมูลติดต่อ (Contact Data) เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรศัพท์มือถือ อีเมล ชื่อตัวแทนหรือผู้มีอำนาจกระทำการแทนและในนามลูกค้า ชื่อบัญชีเข้าใช้งานสำหรับการติดต่อสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์หรือสื่อสังคมออนไลน์ (เช่น ไอดีไลน์ (LINE ID)) รวมถึงข้อมูลในโซเชียลมีเดียต่าง ๆ รายละเอียดการติดต่อของบุคคลอ้างอิงหรือบุคคลที่ให้ไว้เพื่อการทวงถามหนี้
• ข้อมูลการศึกษา เช่น วุฒิการศึกษา สถานศึกษา
• ข้อมูลการทำงาน เช่น อาชีพ รายละเอียดเกี่ยวกับนายจ้างและสถานที่ทำงาน ตำแหน่ง เงินเดือน รายได้ และค่าตอบแทน ความเป็นเจ้าของหรืออัตราส่วนการถือหุ้น
• ข้อมูลเพื่อการตรวจสอบ เช่น ข้อมูลเพื่อการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริง (เช่น ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการทำความรู้จักลูกค้า (Know Your Customer) การตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า (Customer Due Diligence)) ข้อมูลเพื่อการบริหารความเสี่ยง หรือการตรวจสอบการฟอกเงินและต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย
• รายละเอียดการใช้งาน เช่น ข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ แพลตฟอร์ม ผลิตภัณฑ์หรือบริการ ข้อมูลการใช้งาน หรือการตอบสนองต่อการโฆษณาของธนาคาร (รวมถึงเนื้อหาที่เข้าชม ลิงก์ที่กดเข้าชม หรือฟังก์ชันที่ใช้)
• ข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยหรือข้อมูลที่จำเป็นเพื่อดำเนินการตามภาระหน้าที่ตามกฎหมาย เช่น รูปภาพ ลักษณะรูปพรรณสัณฐานบุคคล การตรวจพบข้อสงสัยหรือกิจกรรมที่ผิดปกติ ภาพถ่ายหรือภาพเคลื่อนไหวผ่านกล้องวงจรปิด หรือการ
บันทึกวีดีโอ
• ข้อมูลการบันทึกภาพหรือเสียง เช่น การบันทึกภาพโดยกล้องวงจรปิด การบันทึกเสียงสนทนากรณีติดต่อกับบริษัท
• ข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือ เช่น ข้อมูลเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ตำแหน่งจีพีเอส ปฏิทิน ข้อมูลผู้ติดต่อ (Contact List) ข้อมูลเกี่ยวกับไฟล์หรือภาพถ่าย ข้อมูลหรือข้อความ SMS ประวัติการใช้งานโทรศัพท์มือถือ แอปพลิเคชัน หรืออินเทอร์เน็ต
• ข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ เช่น บันทึกการโต้ตอบและการสื่อสารระหว่างท่านกับบริษัท ไม่ว่าจะในรูปแบบหรือวิธีใด ๆ รวมถึงการสื่อสารทางโทรศัพท์ อีเมล ข้อความสนทนา การสื่อสารทางสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media)

5.2 ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป

ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นเรื่องส่วนตัวของท่าน ซึ่งเป็นข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อน และมีความเสี่ยงต่อการถูกใช้ในการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อชาติ ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมือง ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสหภาพแรงงาน ความพิการ ข้อมูลพันธุกรรม หรือ ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลเครดิต (NCB) ข้อมูลทางชีวภาพเพื่อใช้ในการพิสูจน์หรือตรวจสอบตัวตน (Biometric Information) เช่น ข้อมูลแบบจำลองลายพิมพ์นิ้วมือ (finger print) ข้อมูลแบบจำลองใบหน้า (facial recognition) ข้อมูลสแกนม่านตา (iris scan) หรือ ข้อมูลอัตลักษณ์เสียง (voice recognition) เป็นต้น

6. การรวบรวมและการสงวนข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตัวลูกค้าหรือบุคคลใดนั้น จะถูกนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการดำเนินงานของบริษัทอย่างถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น และนำไปใช้เพื่อการออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท และข้อเสนอพิเศษต่าง ๆ ที่ดีขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้ เป็นไปตามความต้องการของลูกค้าและการให้บริการที่ดีที่สุด ข้อมูลของลูกค้าจะไม่ถูกนำไปใช้ เก็บรวบรวม หรือสงวนไว้ หากบริษัทไม่มีวัตถุประสงค์ในการดำเนินการดังกล่าว ทั้งนี้บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อเมื่อบริษัทได้รับข้อมูลจากท่านโดยตรง โดยการสมัครหรือลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์สำหรับให้บริษัทใช้ในการติดต่อกับท่าน หากท่านเลือกที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด เลขบัตรประจำตัวประชาชน ที่อยู่ ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ เบอร์โทรศัพท์หรือเบอร์โทรสาร แก่บริษัท ตลอดจนกิจกรรมทางธุรกิจหรือการดำเนินธุรกรรมใด ๆ ของท่านแก่บริษัทแล้ว บริษัทจะรักษาข้อมูลเหล่านั้นไว้เป็นความลับ ตามเกณฑ์มาตรฐานความปลอดภัยของบริษัท

7. การใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะไม่จัดสรรหรือขายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลภายนอกอื่นเพื่อวัตถุประสงค์ในการนำไปใช้โดยอิสระ นอกจากนี้ บริษัทจะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่องค์กรอื่นใด เว้นแต่ ท่านได้ร้องขอและให้อำนาจแก่บริษัท หรือ ข้อมูลที่จัดสรรนั้นเป็นไปเพื่อช่วยให้การเริ่มต้นธุรกรรมของท่านสำเร็จลุล่วงลง หรือ ข้อมูลที่จัดสรรนั้น ได้จัดสรรให้แก่สำนักงานข้อมูลเครดิตที่มีชื่อเสียงน่าเชื่อถือ หรือจัดสรรให้แก่ผู้แทนในการรายงานข้อมูลซึ่งมีลักษณะอย่างเดียวกัน หรือ การเปิดเผยข้อมูลนั้นเป็นไปตามที่กฎหมายอนุญาต หรือเป็นไปตามที่กฎหมายต้องการ อาจทำความตกลงไว้กับบุคคลภายนอก ในการที่จะพัฒนาและบำรุงรักษาระบบของบริษัท และการจัดสรรปัจจัยสำคัญหรือบริการในนามของบริษัท ซึ่งบุคคลภายนอกที่เข้ามาดำเนินงานให้กับบริษัท หรือเข้ามาดำเนินการในนามของบริษัทนั้น จะต้องตกลงยอมรับที่จะรักษาข้อมูลลูกค้าของบริษัทไว้เป็นความลับด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังต้องผูกพันต่อกฎหมายที่มีผลใช้บังคับด้วย เมื่อใดก็ตามที่บริษัทได้ว่าจ้างองค์กรอื่นใดเข้ามาให้การสนับสนุนการบริการของบริษัท องค์กรเหล่านั้นจะต้องยอมรับและปฏิบัติตามมาตรฐานการรักษาข้อมูลเป็นความลับของบริษัทด้วยเช่นกัน

8. การโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ

เพื่อวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ บริษัทฯ อาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลภายนอกหรือเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ในต่างประเทศซึ่งอาจมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเช่นเดียวกับประเทศไทยหรือไม่ก็ได้ นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินมาตรการเพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกโอนไปอย่างปลอดภัยและผู้รับข้อมูลส่วนบุคคลมีการใช้มาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม และการโอนข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นไปตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

9. มาตรการรักษาความปลอดภัยเพื่อการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ ได้จัดให้มีมาตรการเชิงเทคนิคและมาตรการเชิงบริหารจัดการเพื่อป้องกันการสูญหายของข้อมูลส่วนบุคคล การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในทางที่ผิด รวมทั้งการเข้าถึง การเปิดเผย และการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยไม่ได้รับอนุญาต และบุคคลภายนอกจะต้องดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามนโยบายการรักษาความปลอดภัยของบริษัทฯ ด้วยเช่นกัน

10. ระยะเวลาที่บริษัทฯ เก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลไว้ในระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ที่ ได้แจ้งต่อเจ้าของข้อมูล หรือตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในนโยบายฉบับนี้ โดยในกรณีที่เจ้าของข้อมูลยกเลิกการใช้ บริการ หรือการทำธุรกรรม หรือยุติความสัมพันธ์กับบริษัทแล้ว บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลไว้เป็นเวลา 10 ปีหลังจากนั้น หรือ จัดเก็บตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด หรือตามอายุความหรือเพื่อการใช้สิทธิเรียกร้องตาม กฎหมาย ทั้งนี้เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว บริษัทจะดำเนินการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วน บุคคลหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลได้

11. สิทธิของเจ้าของข้อมูล (Data Subject Right)

เจ้าของข้อมูลมีสิทธิในการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย ดังนี้ ได้แจ้งต่อเจ้าของข้อมูล หรือตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในนโยบายฉบับนี้ โดยในกรณีที่เจ้าของข้อมูลยกเลิกการใช้ บริการ หรือการทำธุรกรรม หรือยุติความสัมพันธ์กับบริษัทแล้ว บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลไว้เป็นเวลา 10 ปีหลังจากนั้น หรือ จัดเก็บตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด หรือตามอายุความหรือเพื่อการใช้สิทธิเรียกร้องตาม กฎหมาย ทั้งนี้เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว บริษัทจะดำเนินการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วน บุคคลหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลได้

11.2. สิทธิในการขอเข้าถึงและขอสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล (right of access and copy)

เจ้าของข้อมูลมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมที่เคยให้บริษัทจัดเก็บ รวบรวม หรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของตนเอง เมื่อไหร่ก็ได้ โดยผู้ควบคุมข้อมูลต้องรับประกันให้การขอถอนความยินยอม

11.3. สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (right to rectification)

เจ้าของข้อมูลมีสิทธิที่จะขอแก้ไข หรือขอเพิ่มเติมข้อมูลส่วนบุคคลของตนเอง เพื่อให้ถูกต้องและครบถ้วน ซึ่งกรณีดังกล่าวโดยหลักบริษัทต้องดำเนินการตามคำขอได้

11.4. สิทธิขอให้ลบ หรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ (right to erasure)

หากเจ้าของข้อมูลเห็นว่าข้อมูลที่บริษัทจัดเก็บนั้น ไม่มีความเป็นจำเป็นหรือเป็นข้อมูลที่ประมวลผลโดยไม่ถูกต้อง เจ้าของข้อมูลมีสิทธิที่จะขอให้บริษัททำลายข้อมูลส่วนบุคคลนั้นทั้งหมด หรือลบบางชุดข้อมูลให้ไม่สามารถระบุถึงตัวตนของเจ้าของข้อมูลได้ ในกรณีการขอใช้สิทธินี้ ถ้าบริษัทมีความจำเป็นที่อธิบายได้ว่า บริษัทมีความจำเป็นด้วยฐานใดหนึ่งในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ บริษัทก็สามารถแจ้งปฏิเสธการใช้สิทธิเจ้าของข้อมูลได้เช่นกัน

11.5. สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (right to object)

กรณีที่บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลด้วยฐานประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย เจ้าของข้อมูลมีสิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองนั้นเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าหากการเก็บ รวบรวม หรือใช้ข้อมูลนั้น ส่งผลกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมากเกินควร

11.6. สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (right to restriction of processing)

กรณีอยู่ระหว่างการตรวจสอบเพื่อแก้ไขข้อมูลที่ถูกต้อง หรือหากเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจะต้องลบ หรือทำลายเพราะหมดความจำเป็นแล้ว เจ้าของข้อมูลมีสิทธิในการขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นการชั่วคราวได้

11.7. สิทธิในการขอโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บในรูปแบบอัตโนมัติ (right to data portability)

กรณีข้อมูลส่วนบุคคลเก็บอยู่ในรูปแบบที่สามารถโอนได้โดยอัตโนมัติ เจ้าของข้อมูลสามารถแจ้งขอให้บริษัททำการส่งต่อข้อมูลไปยังบริษัทอีกแห่งได้

อย่างไรก็ดี บริษัทอาจปฏิเสธ การใช้สิทธิดังกล่าวข้างต้นของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามหลักเกณฑ์ที่บริษัทกำหนด โดยไม่ขัดต่อกฎหมาย

12. การเปลี่ยนแปลงนโยบายส่วนบุคคล

บริษัทจะทบทวน ปรับปรุง แก้ไข และเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ทุกปี เพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติ ข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากมีการทบทวน ปรับปรุง แก้ไข และเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ บริษัทจะเผยแพร่นโยบายฉบับปรับปรุงลงในเว็บไซต์และช่องทางอื่น ๆ ของบริษัท

13. ช่องทางการติดต่อ

บริษัท ไมตี้ โบรกเกอร์ จำกัด
ที่อยู่ 976 ชั้นที่ 5 ซ.โรงพยาบาลพระราม9 ถนนริมคลองสามเสน แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10310
เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โทร. 02-096-4426
อีเมล contact@mightybroker.co.th


นโยบายคุกกี้

บริษัท ไมตี้ โบรกเกอร์ จำกัด (“MIGHTY-BROKER”) เคารพในสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้เข้าชม และ/หรือผู้ใช้เว็บไซต์ (“ผู้เข้าชม/ผู้ใช้เว็บไซต์”) และตระหนักถึงความคาดหวังของผู้เข้าชม/ผู้ใช้เว็บไซต์ว่าข้อมูล (“ข้อมูล”) ที่ผู้เข้าชม/ผู้ใช้เว็บไซต์ได้ให้ไว้กับ MIGHTY-BROKER ผ่านเว็บไซต์นี้ (“เว็บไซต์”) จะได้รับความคุ้มครองอย่างเหมาะสม MIGHTY-BROKER จึงขอประกาศนโยบายการใช้คุกกี้ (“นโยบายการใช้คุกกี้”) สำหรับเว็บไซต์นี้

การใช้คุกกี้

คุกกี้ คือ ไฟล์ข้อความขนาดเล็ก ซึ่งประกอบด้วยตัวอักษรและตัวเลข ที่ MIGHTY-BROKER จัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์หรือฮาร์ดดิสก์ของคอมพิวเตอร์ของท่าน, แท็บเล็ตของท่าน หรืออุปกรณ์สื่อสารพกพาของท่าน MIGHTY-BROKER อาจเก็บข้อมูลของท่านผ่านทางคุกกี้เหล่านี้ เมื่อท่านเข้าชมเว็บไซต์ของเรา
รายละเอียดคุกกี้แต่ละประเภทของ MIGHTY-BROKER ที่อาจจะถูกใช้งานในเว็บไซต์มีดังนี้

1.คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Necessary Cookies)

คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการทำงานของเว็บไซต์ ได้แก่ คุกกี้ที่ทำให้เว็บไซต์สามารถทำหน้าที่ขั้นพื้นฐาน เช่น การเลื่อนสำรวจหน้าเว็บ หรือ ทำให้ผู้เข้าชม/ผู้ใช้เว็บไซต์เข้าสู่ระบบและสามารถเข้าถึงส่วนของเว็บไซต์ที่ถูกสงวนไว้ให้ใช้ได้เฉพาะสมาชิกเท่านั้น เว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานอย่างถูกต้องได้เลยหากไม่มีการเก็บรวบรวมคุกกี้เหล่านี้ MIGHTY-BROKER จึงไม่มีความจำเป็นต้องขอความยินยอมจากท่านในการจัดวางคุกกี้เหล่านี้ลงในอุปกรณ์ของท่าน คุกกี้ประเภทนี้ไม่ได้มีการจัดเก็บข้อมูลซึ่งสามารถระบุตัวตนของท่านได้อย่างเฉพาะเจาะจงแต่อย่างใด

2.คุกกี้ประสิทธิภาพ (Performance Cookies)

คุกกี้ประเภทนี้ทำให้ MIGHTY-BROKER สามารถนับจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ และแหล่งที่มาของผู้เข้าชมเหล่านั้น ทำให้เข้าใจว่าผู้เข้าชม/ผู้ใช้มีการปฏิสัมพันธ์กับเว็บไซต์อย่างไรบ้าง และหน้าเว็บใดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดหรือน้อยที่สุด โดยการเก็บรวบรวมและการรายงานข้อมูลโดยไม่ระบุตัวตนของท่านอย่างไม่เฉพาะเจาะจงแก่ MIGHTY-BROKER ช่วยให้ MIGHTY-BROKER สามารถพัฒนาและมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ที่ดีกว่าแก่ท่าน หากท่านไม่อนุญาตให้ใช้คุกกี้ประเภทนี้ MIGHTY-BROKER จะไม่อาจทราบได้ว่าท่านเคยมาเข้าชมเว็บไซต์ของ MIGHTY-BROKER เมื่อใด และไม่สามารถติดตามประสิทธิภาพการประมวลผลของหน้าเว็บได้

3.คุกกี้ที่ช่วยเหลือในการทำงาน (Functionality Cookies)

คุกกี้ประเภทนี้อาจถูกติดตั้งไว้โดย MIGHTY-BROKER หรือผู้ให้บริการซึ่งเป็นบุคคลที่สาม โดยเป็นคุกกี้ประเภทที่ทำให้เว็บไซต์สามารถปฏิบัติการตามความพึงพอใจของท่าน ยกตัวอย่างเช่น ทำให้เว็บไซต์สามารถจดจำชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านได้ และจดจำว่าท่านเคยปรับแต่งการใช้หน้าเว็บอย่างไรบ้าง เพื่อการแสดงผลหน้าเว็บในครั้งต่อไป หากท่านไม่อนุญาตให้ใช้คุกกี้ประเภทนี้ การให้บริการบางอย่างของเว็บไซต์อาจไม่สามารถประมวลผลได้อย่างถูกต้อง

4.คุกกี้เพื่อกำหนดเป้าหมาย (Targeting Cookies)

คุกกี้ประเภทนี้อาจถูกติดตั้งโดยพันธมิตรทางการตลาดผ่านทางเว็บไซต์ของเรา โดยจะทำการจัดเก็บข้อมูลการเข้าชมเว็บไซต์ของท่านว่า ท่านเข้าชมเว็บไซต์ใดบ้าง และเข้าชมเว็บไซต์ผ่านทางลิงก์ใดบ้าง MIGHTY-BROKER ใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อทำให้เว็บไซต์ และโฆษณาที่ถูกจัดแสดงในเว็บไซต์ของ MIGHTY-BROKER มีความเกี่ยวข้องกับความสนใจของท่านมากขึ้น MIGHTY-BROKER อาจเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้แก่บุคคลที่สามเพื่อวัตถุประสงค์เหล่านี้ด้วย หากท่านไม่อนุญาตให้ใช้คุกกี้ประเภทนี้ ท่านจะได้รับการโฆษณาที่เฉพาะเจาะจงน้อยลง

คุกกี้ของบุคคลที่สาม

ในบางกรณี MIGHTY-BROKER ใช้คุกกี้ของบุคคลที่สามซึ่งเป็นพันธมิตรที่ได้รับความไว้วางใจจาก MIGHTY-BROKER ด้วย เว็บไซต์นี้ใช้ Google Analytics ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการวิเคราะห์เว็บไซต์ที่แพร่หลายและได้รับการไว้วางใจเป็นอย่างมากรายหนึ่งในการช่วยให้ MIGHTY-BROKER เข้าใจว่าท่านใช้เว็บไซต์ของ MIGHTY-BROKER อย่างไร และเข้าใจแนวทางในการปรับปรุงประสบการณ์การท่องเว็บของท่านให้ดียิ่งขึ้น คุกกี้เหล่านี้อาจมีการติดตามสิ่งต่าง ๆ เช่น ระยะเวลาที่ท่านใช้ในการเข้าชมเว็บไซต์หรือหน้าเพจของ MIGHTY-BROKER ซึ่งจะส่งผลให้ MIGHTY-BROKER สามารถผลิตเนื้อหาที่น่าสนใจต่อไปได้

การเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าคุกกี้

ผู้เข้าชมหรือผู้ใช้เว็บไซต์ สามารถใช้เครื่องมือควบคุมคุกกี้ของเว็บเบราว์เซอร์ในการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าคุกกี้ได้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมในการปรับตั้งค่า โปรดเยี่ยมชมหน้าเว็บไชต์
อย่างไรก็ตาม MIGHTY-BROKER ขอแจ้งให้ท่านทราบว่า การปิดการใช้งานคุกกี้บางตัวอาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของเว็บไซต์นี้ และอาจส่งผลถึงขั้นที่ทำให้รูปแบบการทำงานหรือปฏิบัติการบางอย่างของเว็บไซต์ไม่สามารถใช้งานได้

รายละเอียดเพิ่มเติม

หากท่านต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิทธิในความเป็นเจ้าของข้อมูลของท่าน ท่านสามารถเยี่ยมชมแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของ MIGHTY-BROKER

การปรับปรุงนโยบายการใช้คุกกี้

MIGHTY-BROKER มีการพิจารณาทบทวนและปรับปรุงนโยบายการใช้คุกกี้นี้ตามความเหมาะสมอยู่เป็นระยะ ท่านสามารถเข้าเยี่ยมชมหน้าเว็บไซต์นี้หากต้องการทราบนโยบายการใช้คุกกี้ฉบับปรับปรุงของ MIGHTY-BROGER

Icon
แชทกับเรา
สวัสดีค่ะ ไมตี้โบรกเกอร์
พร้อมให้บริการ